Thursday, 30 June 2016

การปลูกมะม่วงบำรุงผลกลาง

การปลูกมะม่วงบำรุงผลกลาง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม (100 ซีซี.)+ ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ
- เริ่มบำรุงเมื่อเปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็ง (เข้าไคล) การที่จะรู้ว่าเมล็ดเริ่มเข้าไคลให้ใช้วิธีสุ่มเก็บลงมาผ่าดูลักษณะภายในผล
- วัตถุประสงค์เพื่อขยายขนาดผลและลดขนาดเมล็ด (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ) ทำให้ผลมีเนื้อมากแต่เมล็ดเล็กหรือลีบ
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ ฮอร์โมนน้ำดำ. แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก

Tuesday, 28 June 2016

ปลูกมะม่วง ขายพันธุ์ สร้างรายได้ดี “1 ไร่ 1 แสน”

สำหรับคนที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่อยากปลูกมะม่วงเป็นอาชีพ ยังมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงจากสวน
มะม่วงได้โดยมุ่งขายพันธุ์มะม่วง เช่นเดียวกับ คุณสุรศักดิ์ ศรีอำนวย เจ้าของ บ้านสวนไม้ดี เลขที่ 44/2 หมู่ที่ 7 ตำบลแก่นเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โทร. (089) 929-6305 ปัจจุบัน คุณสุรศักดิ์มีรายได้จากการขายพันธุ์มะม่วงเฉลี่ย 1 แสนบาท/ไร่/ปี

คุณสุรศักดิ์ เป็นหนุ่มชาวปักษ์ใต้ ที่ทำงานด้านศิลปะมาเกือบตลอดชีวิต โดยเรียนรู้งานเขียนจิตรกรรมไทย มาจาก อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือที่คนในวงการศิลปะเรียก “ท่านกูฏ” หลังจากทำงานศิลปะจนอิ่มตัว คุณสุรศักดิ์หันมาสนใจทำงานด้านเกษตร เพราะต้องการอยู่กับธรรมชาติในช่วงบั้นปลายของชีวิต

“ผมไม่สนใจปลูกไม้ประดับ เพราะมองว่าเป็นสินค้าที่เหมือนของเล่น ราคาวูบวาบตามกระแสตลาด ขณะที่ไม้ผลเป็นของกินอย่างไรก็ขายได้ โดยตั้งใจทำสวนมะม่วงอย่างจริงจัง ผมเรียนรู้อาชีพการทำเกษตรโดยใช้หลักการเดียวกับการทำงานงานศิลปะ ท่านกูฏสอนว่า หลักการทำงานต้องประสาน 3 อย่าง เข้าด้วยกัน คือ ‘สายตา มือ และใจ’ ตาต้องมองดูความสวยงามให้ออก มือต้องฝึกฝนเขียนภาพให้ชำนาญ ต้องมีใจรักและชื่นชอบในงานที่ทำ จึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้”

คุณสุรศักดิ์ ตั้งใจศึกษาหาความรู้เรื่องการทำสวนมะม่วงจากตำราและโลกอินเตอร์เน็ต รวมทั้งพบปะพูดคุยกับเกษตรกรคนเก่งที่ประสบความสำเร็จในอาชีพทำสวนมะม่วง เช่น “พี่ตี๋” เจ้าของบ้านสวนเงาน้ำ ที่เชี่ยวชาญเรื่องการทาบมะม่วงเพราะทำมาตั้งแต่เด็ก พี่ตี๋เริ่มต้นปลูกมะม่วงขายกิ่งพันธุ์แค่ 1-2 ไร่ จนมีรายได้ทะลุหลักล้าน เกิดจากการขายกิ่งพันธุ์มะม่วงทั้งสิ้น




“พี่ตี๋ ให้คำแนะนำว่า หากอยากปลูกมะม่วงขายผล จะต้องมีพื้นที่ปลูกมะม่วงอย่างน้อย 10 ไร่ จึงมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ทั้งปี แต่หากขายกิ่งพันธุ์มะม่วง แค่มีพื้นที่ 1-2 ไร่ ก็มีรายได้และผลกำไรเหลือเฟือ เพราะยิ่งทาบกิ่งออกขาย ยิ่งเร่งให้ต้นมะม่วงแตกกิ่งมากขึ้น สามารถทาบกิ่งออกขายได้จำนวนมาก การปลูกมะม่วงขายพันธุ์ ดูแลจัดการง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือนกับปลูกมะม่วงขายผล”

สมัยก่อนเกษตรกรทั่วไปนิยมขยายพันธุ์มะม่วงด้วยวิธีการเสียบกิ่งและติดตา ซึ่งต้องใช้เวลารอคอยให้ตายืดตัวค่อนข้างนาน คุณสุรศักดิ์เชื่อว่า การทาบ เป็นวิธีการขยายพันธุ์มะม่วงที่ดีที่สุดในขณะนี้ สำหรับต้นมะม่วง ต้นขนุน มะขาม เงาะโรงเรียน หากใช้พันธุ์ที่เป็นกิ่งตอนหรือกิ่งทาบ จะให้ผลผลิตไว ตั้งแต่ปีแรกที่ปลูก โดยเด็ดผลทิ้งบ้างเพื่อไม่ให้ต้นติดลูกเยอะมาก จนต้นโทรม

ในทางปฏิบัติ ความรู้เรื่องการทาบกิ่งใครๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงได้ แต่จะทาบกิ่งได้สำเร็จหรือไม่ ต้องวัดกันที่ฝีมือ หากฝีมือทาบกิ่งไม่ดีจริง จะทำให้มะม่วงตายได้ ทำให้หลายคนที่เริ่มต้นทาบกิ่งพันธุ์มะม่วงเกิดความรู้สึกท้อถอยได้ง่าย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณสุรศักดิ์สอนให้รู้ว่า คนที่สนใจทาบกิ่งมะม่วงเป็นอาชีพ ควรมีเวลาฝึกฝนไม่ต่ำกว่า 2 ปี

ปัจจุบัน เกษตรกรที่เชี่ยวชาญด้านทาบมะม่วงที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วไปคือ กลุ่มเกษตรกรแถวบางขุนนนท์ คุณสุรศักดิ์ เคยติดต่อจ้างกลุ่มเกษตรกรบางขุนนนท์มาช่วยทาบกิ่งในสวนมะม่วงของเขา ปรากฏว่า คุณสุรศักดิ์ต้องเสียเวลารอนานถึง 2 ปี กว่าจะได้คิวเกษตรกรกลุ่มนี้มาทำงานด้วย โดยจ่ายค่าจ้าง ประมาณวันละ 1,000 บาท พร้อมอาหารและที่พัก



หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้การทาบกิ่งได้ผลดีคือ เลือกใช้มีดที่คมมาก หลังจากเปิดเปลือกลำต้น ต้องใช้ปลายมีดปาดบนต้นมะม่วง ให้ผิวเรียบเนียนก่อนทาบกิ่ง จึงจะได้ผลดีตามที่ต้องการ คุณสุรศักดิ์โชว์มีดพกที่ใช้ประจำ ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความคมระดับมีดหมอผ่าตัด

คุณสุรศักดิ์ เล่าอีกว่า ทาบกิ่ง หากผลิตเป็นไม้ถุง จะใช้รากแก้วต้นตอเพียงต้นเดียว ต่อ 1 กิ่ง ส่วนการทาบต้น จะใช้หลายตอ ทาบรอบต้นเป็นตุ้มใหญ่ ทุกวันนี้ผมเลือกทาบมะม่วงที่มีกิ่งก้านขนาดใหญ่เป็นหลัก ผมเคยทาบต้นมะม่วงขนาดใหญ่ที่คนยกไม่ไหวต้องใช้เครนยกแทน โดยเทคนิคการทาบต้นมะม่วงขนาดใหญ่ อาจจะต้องใช้ทาบถึงสามชั้น โดยใช้ตอเปลือยถึง 30 ตอ ใช้รากแก้วถึง 30 ราก ถึงจะเอาอยู่ ตัดออกมาแล้วต้นไม่ตาย

ปัจจุบัน บ้านสวนไม้ดี ปลูกรวบรวมสายพันธุ์มะม่วงไทยโบราณและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 40 สายพันธุ์ ในแง่การตลาด กิ่งพันธุ์มะม่วงที่ลูกค้าต้องการ มีประมาณ 10-20 สายพันธุ์ ในปี 2556 ที่ผ่านมา กิ่งพันธุ์มะม่วงโชคอนันต์ ติดอันดับสินค้าขายดีที่สุด เพราะเป็นสายพันธุ์มะม่วงทะวายที่ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี โดยสวนแห่งนี้สามารถผลิตกิ่งพันธุ์มะม่วงโชคอนันต์ออกขายได้ปีละ 3-5 รุ่น

“ทุกวันนี้ ลูกค้าไม่ได้สนใจเรื่องรสชาติมะม่วงว่าอร่อยหรือไม่ แค่เป็นพันธุ์มะม่วงทะวายที่ให้ผลผลิตออกนอกฤดูกาลก็เพียงพอแล้ว สำหรับกลุ่มมะม่วงทะวายที่ตลาดมีความต้องการสูง ได้แก่ โชคอนันต์ มันเดือนเก้า มันศาลายา ส่วนมะม่วงพื้นบ้านที่ขายดีเช่นกัน ได้แก่ เขียวเสวย อกร่อง น้ำดอกไม้ มหาชนก”

ที่ผ่านมา บ้านสวนไม้ดี ผลิตกิ่งพันธุ์มะม่วงออกจำหน่ายตามไซซ์ที่ตลาดต้องการ โดยสินค้าที่มีขนาดเล็กสุดคือ ไม้ถุง ที่มีความสูง 1 เมตร ขายส่ง กิ่งละ 40 บาท แต่ปัจจุบันลดการผลิตสินค้าในกลุ่มนี้แล้ว เพราะมีผลกำไรน้อย และหันไปผลิต “ไม้เข่ง” ที่มีผลกำไรมากกว่าแทน สำหรับกลุ่มไม้เข่ง แบ่งเป็น 5 ขนาด คือ ไม้เข่ง ขนาด 10 นิ้ว ขนาด 12 นิ้ว ขนาดถังครึ่ง  ขนาดสองถัง และขนาดสามถัง (ราคา 700-1,000 บาท) ส่วนไซซ์ใหญ่กว่าสามถังจะผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นหลัก

คุณสุรศักดิ์ บอกว่า สมัยก่อนเกษตรกรเลือกใช้ตอมะม่วงแก้วและมะม่วงป่าในการขยายพันธุ์ แต่ทุกวันนี้หันมาใช้ตอมะม่วงโชคอนันต์มากขึ้น เนื่องจากมะม่วงพันธุ์นี้มีผลผลิตตลอดทั้งปี จึงหาเมล็ดเพาะได้ง่าย นอกจาก มะม่วงแก้วขมิ้นของเขมรก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น เกษตรกรนิยมสั่งซื้อเมล็ดแก้วขมิ้นจากโรงงานแปรรูปมะม่วงดอง ในราคา เมล็ดละ 35 สตางค์ ทางโรงงานจะแกะกะลา เหลือแต่เนื้อใน สามารถนำมาเพาะได้ง่าย ปี 2556 มีเกษตรกรรายหนึ่งในจังหวัดสุโขทัยสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้นถึง 2 ล้านเมล็ด เพื่อนำไปเพาะขยายตอ และทาบกิ่ง

ปีที่แล้ว คุณสุรศักดิ์ สั่งซื้อเมล็ดมะม่วงแก้วขมิ้น ประมาณ 45,000 ต้น มาเพาะทำพันธุ์ แต่ปีนี้เปลี่ยนนโยบายไม่ขายเชิงปริมาณ แต่เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยสั่งซื้อเมล็ดแก้วขมิ้นเพียง 30,000 ต้น เท่านั้น และสั่งซื้อกิ่งมะม่วงสายพันธุ์ต่างประเทศเข้ามาปลูกเพื่อศึกษาดูสายพันธุ์เพิ่มขึ้น ปัจจุบันสวนแห่งนี้สามารถขยายกิ่งพันธุ์มะม่วง อาร์ทูอีทู ได้เป็นจำนวนมาก รองลงมาคือ แดงจักรพรรดิ (ยู่เหวิน) กิมหงษ์ กิมฮวง จินฮวง



คุณสุรศักดิ์ บอกว่า ปริมาณความต้องการกิ่งพันธุ์มะม่วงต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเพื่อผลิตป้อนตลาดส่งออก อีกส่วนนิยมปลูกเป็นไม้แปลกในบ้านเรือน เพราะมะม่วงสายพันธุ์ต่างประเทศเหล่านี้ มักให้ผลผลิตที่มีสีสันสวยงามแปลกตา เช่น มะม่วงพันธุ์ยู่เหวิน มีผลสีแดง ซึ่งไม่เคยมีในเมืองไทยมาก่อน

ส่วนมะม่วงพันธุ์จินฮวง มีจุดเด่นในเรื่องรสชาติความอร่อยแล้ว ผลยังมีขนาดใหญ่ เนื้อแน่น เมล็ดลีบและมีอายุการเก็บรักษาที่นาน ไม่ค่อยเสียง่าย มะม่วง อาร์ทูอีทู ก็มีอายุการใช้งานนาน แช่ตู้เย็นนานเป็นครึ่งเดือนผลก็ไม่เสีย เหมาะสำหรับขายขึ้นห้างสรรพสินค้า และป้อนตลาดส่งออก ส่วนแก้วขมิ้นจากเขมรก็มีลักษณะเด่นคือ เนื้อสีเหลือง ลูกใหญ่ เนื้อกรอบ อร่อย ก็เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย เกษตรกรจำนวนมากจึงสนใจสั่งซื้อกิ่งพันธุ์มะม่วงต่างประเทศในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน คุณสุรศักดิ์ ได้ทดลองปลูกมะนาวแซมสวนมะม่วง เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมในอนาคต โดยเลือกปลูกมะนาวสายพันธุ์ปลอดโรคเป็นหลัก ได้แก่ มะนาวทูลเกล้า มะนาวน้ำหอมด่านเกวียน มะนาวแป้นพิจิตร คุณสุรศักดิ์ บอกว่า มะนาวแป้นพิจิตร ต้านทานโรคสูง แต่ยังไม่ปลอดภัยเสียทีเดียว สู้มะนาวน้ำหอมด่านเกวียนและพันธุ์ทูลเกล้าไม่ได้เพราะตั้งแต่ปลูกสองสายพันธุ์มะนาวนี้ไม่เจอโรคพืชเลย เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมผลิตขายส่งกิ่งพันธุ์มะนาวในราคากิ่งละ 35 บาท แต่สวนแห่งนี้สามารถขายส่งได้ในราคาสูงถึงกิ่งละ 300-700 บาท เพราะขยายพันธุ์มะนาวแบบตอนกิ่งและอัดตุ้ม โดยเน้นทำกิ่งพันธุ์มะนาวให้สวย ถูกใจลูกค้ามากที่สุด

“นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สนใจสั่งซื้อกิ่งพันธุ์มะนาวแป้นรำไพเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นมะนาวสายพันธุ์โบราณ สายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่นคือ ทรงแป้น ผลโต ออกลูกดก เปลือกบาง น้ำมาก มีกลิ่นหอม เมล็ดน้อยมาก แค่ 3-4 เมล็ด แม้มะนาวสายพันธุ์นี้จะมีจุดอ่อนในเรื่องโรคแคงเกอร์ ยางไหล แต่เกษตรกรหลายรายกล้าลงทุนปลูกมะนาวแป้นรำไพเชิงการค้า โดยทุ่มทุนทำแปลงปลูกนอกฤดูแค่รุ่นเดียวแล้วฟันต้นทิ้ง เพราะให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุนมากกว่า”

คุณสุรศักดิ์ ศรีอำนวย ใจดีและไม่หวงวิชา หากใครมีข้อสงสัยหรืออยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลเรื่องการขยายพันธุ์มะม่วงและมะนาว แวะไปเยี่ยมดูงานได้ที่ บ้านสวนไม้ดี หรือโทรศัพท์ไปพูดคุยได้โดยตรง ที่เบอร์โทร. (089) 929-6305 ได้ทุกวัน

ข้อมูล: นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน www.technologychaoban.com

การปลูกมะม่วงบำรุงผลแก่

การปลูกมะม่วงบำรุงผลแก่ 
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-0-50 (400 กรัม) หรือ 0-21-74 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด
หมายเหตุ :
- เริ่มให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- การให้ 13-13-21 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลรุ่นเดียวกันทั้งต้น แต่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วต้นมักโทรมจึงต้องเร่งบำรุงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของต้น (เรียกใบอ่อน) กลับคืนมาโดยเร็วแล้วจึงเข้าสู่วงรอบการบำรุงใหม่
- การให้ 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันหรือประเภททะวายทยอยออกแบบไม่มีรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่จัดไปแล้วต้นไม่โทรม ใน 8-24-24 เป็นปุ๋ยประเภทสะสมอาหารเพื่อการออกดอกซึ่งจะส่งผลให้กิ่งที่ยังไม่ออกดอกเกิดอาการอั้นแล้วออกดอกติดผลเป็นผลรุ่นใหม่ได้
- ระยะผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวถ้ามีการให้ “กลูโคสหรือนมสัตว์สด” สำหรับมะม่วงกินสุกเมื่อผลสุกเนื้อในจะนิ่มหรือเละ
เครดิตคัดลอกบทความมาจาก
http://www.kasetloongkim.com/

Friday, 24 June 2016

การเพาะเมล็ดมะม่วง

 การเพาะเมล็ดมะม่วง

โดยทั่วไป การเพาะเมล็ดมีจุดประสงค์สองประการคือ เพื่อใช้ปลูกโดยตรง และเพื่อใช้เป็นต้นตอสำหรับการขยายพันธุ์แบบต่างๆ เช่น การติดตา การทาบกิ่ง เป็นต้น การเพาะเมล็ดเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน ข้อดีของการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดคือ ทำได้ง่าย ได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ต้นมะม่วงที่ได้จากการเพาะเมล็ด ต้นจะใหญ่โตมีอายุยืนนาน เพราะมีระบบรากที่แข็งแรง ส่วนข้อเสียคือ ออกดอกออกผลช้ากว่าการขยายพันธุ์ด้วยการติดตา การตอน หรือการทาบกิ่ง และต้นมะม่วงที่ได้จากการเพาะเมล็ดนั้น อาจกลายพันธุ์ ไม่ตรงตามพันธุ์เดิมก็ได้ ซึ่งอาจดีกว่าหรือเลวกว่าพันธุ์เดิม กลายเป็นพันธุ์ใหม่ไป
1.1 การเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดจำนวนไม่มากนักอาจจะเพาะในกระบะหรือในภาชนะต่างๆ เช่น หม้อดิน กระถาง กระบอกไม้ไผ่ และถุงพลาสติก เป็นต้น ส่วนการเพาะเมล็ดจำนวนมากๆ ควรเพาะในแปลงเพาะชำเสียก่อน แล้วจึงขุดไปปลูก หรือนำไปทาบกิ่งต่อไป
1.2 การเก็บเมล็ดที่จะนำมาเพาะ ควรคัดเลือกเก็บจากต้นแม่ที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่แคระแกร็นที่จะเก็บมาต้องแก่จัด หรือสุกปากตะกร้อควรมีขนาดและน้ำหนักเท่าๆเมล็ดที่จะนำมาเพาะเพื่อใช้เป็นต้นตอ ควรเป็นเมล็ดของมะม่วงพันธุ์ที่แข็งแรงทานกะล่อนแก้วแดงร่องต้นมะม่วงพวกนี้จะแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆดี

1.3 การเตรียมเมล็ด แกะเมล็ดในมาเพาะ ให้ใช้มีดคมๆ ตัดปลายเมล็ดออกเล็กน้อย เพื่อให้เห็นช่องว่างภายใน รอยที่ตัดให้ค่อนไปทางด้านท้องของเมล็ด แล้วฉีกเปลือกของเมล็ดนอกออกเป็น 2 ซีก แล้วเอาเมล็ดที่อยู่ภายในซึ่งมีเยื่อบางๆ หุ้มอยู่ออกมาทำการเพาะ วิธีนี้จะช่วยให้เมล็ดโปร่ง อากาศ และน้ำเข้าไปในเมล็ดได้ง่าย เมล็ดงอกได้เร็ว และถ้ามีแรงงานพอ ให้แกะเอาเปลือกแข็งที่หุ้มเมล็ดออกทั้งหมด เอาแต่เนื้อข้างในไปเพาะ ก็จะทำให้งอกได้ดียิ่งขึ้นอีก
เมล็ดที่เอาเนื้อออกแล้ว ให้รีบเพาะภายใน 1 สัปดาห์ ไม่ควรเก็บไว้นานเกินกว่า 1 เดือน จะเพาะไม่งอก หรือถ้างอกต้นก็จะไม่ค่อยแข็งแรง การทิ้งเมล็ดให้โดนแดดโดนลมจะทำให้ความงอกเสียไป เมื่อได้เมล็ดมาแล้ว ควรคัดเมล็ดโดยการนำเมล็ดไปแช่น้ำ เมล็ดที่จมน้ำจะเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์นำไปเพาะได้ดี ส่วนเมล็ดลอยน้ำให้คัดทิ้งไป เมล็ดที่ดีจะนำไปเพาะเลยก็ได้ แต่อาจจะงอกช้า
1.4 วิธีเพาะเมล็ด วัสดุที่ใช้ในการเพาะที่ดีควรใช้ ทรายผสมกับขี้เถ้าแกลบ ใส่อัตราส่วน 1 ต่อ 1 และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 902 (ปุ๋ยเทศบาล) ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม แล้วนำเมล็ดที่แกะออกมาแล้ว มาปักชำลงในกระบะเพาะที่เตรียมไว้

การเพาะในภาชนะต่างๆ ให้ฝังเมล็ดลงไป 12 เมล็ด แล้วแต่ขนาดของภาชนะ ส่วนการเพาะในกระบะหรือในแปลงเพาะ ให้เพาะเป็นแถวๆ ห่างกัน 6-8 นิ้ว และแต่ละเมล็ดห่างกัน 6 นิ้ว การฝังเมล็ดควรให้ลึก
ประมาณ 2 นิ้ว โดยให้ด้านท้องของเมล็ดอยู่ด้านล่าง ตั้งส่วนท้องของเมล็ดเอียงเป็นมุมประมาณ 45 องศา ให้ส่วนหัวของเมล็ดขึ้นมาเหนือทรายในกระบะเพาะเล็กน้อย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของควานยาวของเมล็ด จะทำให้เมล็ดงอกดี และต้นที่ได้ตั้งตรง เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่ม และรดน้ำทุกวันถ้าฝนไม่ตก เมล็ดที่สมบูรณ์จะงอกภายใน 1 สัปดาห์ ถึงปะมาณ 20 วัน
หลังจากงอกแล้วประมาณ 3 เดือน นำต้นกล้าที่งอกนั้นไปชำในถุงพลาสติกขนาดเล็ก ประมาณ 4x6 นิ้ว ใส่ดินที่มีใบไม้ผุมากๆ หรือขุยมะพร้าวผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ 902 หลังจากปักชำอีกประมาณ 3-4 เดือน ต้นกล้ามะม่วงจะมีขนาดประมาณเท่าแท่งดินสอดำ ซื่งเป็นขนาดที่พอเหมาะในการนำไปทาบกิ่งมะม่วงพันธุ์ดีต่อไป ส่วนการขุดต้นเพื่อนำไปปลูกในสวนนั้น ควรรอให้ต้นโตได้ขนาดเสียก่อนจึงขุด หรืออาจขุดมาปลูกไว้ในกระถางเสียก่อน เพื่อความสะดวกในการขนย้ายหรือรอเวลาปลูก
คัดลอกบทความ
http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=6579.0

Tuesday, 21 June 2016

การให้ปุ๋ยการปลูกมะม่วง

การให้ปุ๋ยการปลูกมะม่วง1.) ก่อนเก็บเกี่ยวมะม่วง หรือช่วงเก็บเกี่ยวผลอยู่ให้ลำเลียงปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอก ไปกองไว้รอบ ๆ พุ่มต้น (ยังไม่ต้องรดน้ำ) จนกว่าเก็บเกี่ยวหมดจึงเกลี่ยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกกลบดินเล็กน้อยพร้อมให้น้ำไปด้วยมะม่วง 5 ปีขึ้นไปใช้ต้นละ 2-3 ปี๊บ และใช้ปุ๋ยเสมอกัน เช่น 15-15-15, 17-17-17 ใส่ด้วย โดยดูความสมบูรณ์ของต้นอาจใช้ครึ่งหนึ่งของทรงพุ่ม จากนั้นใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเร่งดอก เช่น 10-20-30, 12-26-32 พ่นมะม่วงในช่วงเดือน ก.ย-ต.ค 1-2 ครั้ง ก่อนฉีดโปแตสเซี่ยมไนเตรท เร่งการออกดอก

2.) เมื่อมะม่วงเริ่มติดผลอ่อน เริ่มให้ปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 17-17-17 อีกครั้งหนึ่งเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผลอ่อน

3.) เมื่อผลโต ขนาด 2 ใน 3 ของผลโตเต็มที่ ให้ใช้ปุ๋ย ฉีดพ่นทางใบสูตร 10-20-30, 12-22-32 หรือสูตรตัวท้ายสูง เพื่อช่วยให้คุณภาพและรสชาติหวานขึ้น

Sunday, 12 June 2016

คลิปการทาบ การตอน กิ่งมะม่วง

คลิปการ ทาบ การตอน กิ่งมะม่วง
วิชาการไม่เท่ากับลงมือปฎิบัติ ชมคลิป รู้สูตรขอให้ทุกท่านที่ติดตามทดสอบและทดลองได้เลยครับ เอาใกล้บ้านไปก่อนจะได้ติดตามผลและจดบันทึกได้

พันธุ์มะม่วง ที่ นิยม ปลูก การปลูกมะม่วง

พันธุ์มะม่วง ที่นิยมปลูก การปลูกมะม่วง

1. พันธุ์ มะม่วง มหาชนก
2.พันธุ์ มะม่วงทองดำ ทองแดง
3.พันธุ์ มะม่วงมัน
4.พันธุ์ มะม่วง
5.พันธุ์มะม่วง น้ำดอกไม้
6.พันธ์มะม่วงกิมหงษ์
7.พันธุ์มะม่วงงาช้าง ไตหวัน
8.พันธุ์มะม่วงตลับนาค

สายพันธุ์
มะม่วงมีพันธุ์มากมายดังที่ปรากฏในหนังสือพรรณพฤกษาของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ที่กล่าวถึงมะม่วงในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้กว่า 50 พันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น เขียวเสวย แรด น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ อกร่อง ตัวอย่าง เช่น

เขียวเสวย เป็นพันธุ์พื้นเมืองของนครปฐม ผลยาว ด้านหลังผลโค้งนูนออก ปลายแหลม ผิวเรียบ สีเขียวเข้ม เปลือกหนา เหนียว ผลแก่รสมัน
น้ำดอกไม้ เป็นพันธุ์ที่กินผลสุก รูปร่างยาวเรียว ผลดิบเนื้อขาว รสเปรี้ยวจัด ผลสุกสีเหลืองนวล รสหวาน
อกร่องทอง เป็นพันธุ์เก่าแก่ นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวมูน ผลค่อนข้างเล็ก มีร่องเป็นแนวยาวที่ด้านท้อง ผลสุก เนื้อละเอียด มีเสี้ยนน้อย
ฟ้าลั่น ผลกลม ท้ายแหลม ลูกขนาดกลาง นิยมรับประทานผลแก่ มีรสมัน เมื่อปอกเปลือก เนื้อมะม่วงจะปริแตก
หนังกลางวัน ผลยาวคล้ายงาช้าง แก่จัดรสมันอมเปรี้ยว สุกรสหวาน
แก้ว นิยมกินดิบ ผลอ้วนป้อม เปลือกเหนียว เมื่อเกือบสุกเปลือกจะมีสีอมส้มหรืออมแดง
โชคอนันต์ รูปร่างยาว ปลายมน กลายพันธุ์มาจากมะม่วงป่า นิยมนำไปทำมะม่วงดอง
มหาชนก เป็นลูกผสมของมะม่วงพันธุ์หนังกลางวันกับพันธุ์ซันเซ็ตจากอินเดีย ผลยาวรี สุกสีเหลืองเข้ม มีริ้วสีแดง เนื้อไม่เละ กลิ่นหอม จะสุกในช่วงที่มะม่วงพันธุ์อื่นวายแล้ว

คลิปเกษตร การปลูกมะม่วงให้ถูกหลัก ออกผลให้ถูกใจ

การทำสวนมะม่วง

การทำสวนมะม่วง 


“มะม่วงไทยยังมีอนาคต ตลาดยังต้องการสูง แต่ต้องเป็นการทำสวนมะม่วงแบบคนมีอาชีพปลูกมะม่วง ไม่ใช่ปลูกมะม่วงริมรั้วข้างบ้าน ปล่อยให้โตแบบตามมีตามเกิด เหมือนอย่าง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อส่งออกเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ประสบความสำเร็จในการรวมกลุ่มกันปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ส่งไปขายไกลถึง จีน ญี่ปุ่น เกาหล
“เขาทำกันแบบมืออาชีพจริง เมื่อกลับมาเราก็เริ่มคิดทำกัน มีเกษตรตำบลคอยช่วยเหลือ หาวิทยากรมาอบรมให้ความรู้ แรกๆ การรวมกลุ่มทำกันได้ไม่กี่คน ผลผลิตที่ได้


“เขาทำกันแบบมืออาชีพจริง เมื่อกลับมาเราก็เริ่มคิดทำกัน มีเกษตรตำบลคอยช่วยเหลือ หาวิทยากรมาอบรมให้ความรู้ แรกๆ การรวมกลุ่มทำกันได้ไม่กี่คน ผลผลิตที่ได้
ส่วนจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้แค่ไหน ประพันธ์บอกแค่เพียง มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง 1 ไร่ ขายได้ประมาณ 90,000 บาท หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 50,000 บาท เกษตรกรแต่




อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/499359